เชี่ยวหลานวันฝนพรำ

สวัสดีนักเดินทาง

วันนี้พวกเรา Be Traveler พาครอบครัวเดินทางสู่ เขาสก หรือ เขื่อนรัชชประภา (เขื่อนเชี่ยวหลาน) จังหวัดสุราฎร์ธานี ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาสก อีกครั้ง แต่คราวนี้เรากลับมาพบกับบรรยากาศที่ไม่เหมือนเดิม เพราะครั้งนี้เป็นหน้าฝน บรรยากาศก็จะแตกต่างและสมบุกสมบันมากกว่าเดิม

ช่วงเวลาในการท่องเที่ยวครั้งนี้เป็นวันหยุดยาววันแม่ชาติ 8-12 สิงหาคม 2562

หากใครอยากจะชมการท่องเที่ยวในช่วงหน้าร้อนแบบไม่มีฝน ฟ้าใสๆ แดดดีๆ ก็คลิกตามลิงค์นี้เลย ???????????????

คิดถึงเธอ เชี่ยวหลาน

พวกเราออกเดินทางจากกรุงเทพมหานครโดย เครื่องบิน มาถึงจังหวัดสุราษฎร์ธานี เราใช้บริการรถเช่าขับเองซึ่งครอบครัวเราเป็นครอบครัวใหญ่ ที่มีสมาชิกจำนวน 12 คน โดยเช่ารถตู้ฮุนได H1 ของ VH1 รถยนต์ดี บริการดี พี่เจ้าของน่ารักมาก ใครสนใจติดต่อ โทร 0818932929

ได้รถเรียบร้อยแล้วออกเดินทางสู่ท่าเรือ ท่าเรือเทศบาลเขื่อนเชี่ยวหลาน  เพื่อไปขึ้นเรือของที่พัก.. แพสายชล ซึ่งเรากลับมาอีกครั้งก็ยังใช้บริการแพเดิมเนื่องจากราคาที่ไม่สูงจนเกินไปและบรรยากาศดี และไม่ไกลจากเส้นทางศึกษาธรรมชาติถ้ำปะการัง

พอมาถึงท่าเรือฝนก็ตกตลอดเวลา บรรยากาศชุ่มฉ่ำมาก ระหว่างการเดินทางกว่า 45 นาที เรือที่เราโดยสารเป็นเรือหางยาวที่ไม่มีหลังคา แต่เอาจริงๆถ้ามีหลังคาก็ไม่แตกต่างกันซักเท่าไหร่ เพราะว่าเราก็เปียกเท่ากัน 555+

แต่บรรยากาศของเขื่อนเชี่ยวหลานที่อยู่ตรงหน้า ที่มีเมฆฝนหนา หมอกลงจัดตามสันของภูเขา คือดีย์

ขาไปของพวกเราไม่ได้เตรียมพร้อมเรื่องของเสื้อกันฝน ต้องบอกเลยว่าเปียกแบบ 100% 555+ ต้อนรับวันแม่สุดสุด เพราะพาแม่มาเปียก 555+

ถึงแล้วแพสายชล จากครั้งก่อนมีการเปลี่ยนแปลงไปมาก มีแพบ้านพักขนาดใหญ่ที่สามารถพักเป็น กลุ่มใหญ่เพิ่มขึ้น และที่สำคัญมีสัญญาณโทรศัพท์แล้วแต่เฉพาะ AIS นะจ๊ะ

เข้าที่พัก กินมื้อเที่ยง แล้วเราก็ตั้งสติหลังจากที่เปียก แบบไม่ทันได้ตั้งตัว โดยเราเตรียมเสื้อกันฝน สีสันสดใส นั่งเรือออกไปผจญภัยอีกครั้งเพื่อไปชมวิว “เขาสามเกลอ” เป็นยอดเขาเล็กๆ 3 ยอดโผล่พ้นน้ำขึ้นมา ถือว่าเป็นจุดยอดนิยมที่นักท่องเที่ยวต้องมาถ่ายรูปคู่ด้วย จนกลายเป็นสัญลักษณ์ของเขื่อนรัชชประภาแห่งนี้ ซึ่งตอนแรกเราตั้งใจจะรอให้ฝนหยุดแต่สอบถามจากคนเรือ ได้รับคำตอบว่าไม่ว่าจะเป็นวันนี้พรุ่งนี้ก็จะตกแบบนี้ทั้งวันทั้งคืน ดังนั้น ก็ลุย!!

สมาชิกพร้อม!!!!

ระหว่างทางสายฝนก็โปรยปรายลงมาปะทะกับหมอก สวยมากเลย เอาจริงๆ บรรยากาศดี

ฝนก็มีช่วงหยุดตกสัก 15 นาทีก็ตกใหม่สลับกันไป ดังนั้นถ้ามาเที่ยวช่วงนี้อย่ามองว่าสายฝนคืออุปสรรคให้มองว่าคือความสนุกนะจ๊ะ

และเราก็เข้าถึงบริเวณไฮไลท์ของที่นี่ นั่นคือ เขาสามเกลอ นั่นเอง

ท้องฟ้าไม่สดใส แต่สายหมอกก็ทำให้ที่นี่สวยงามไปแบบ โรแมนติกดีเหมือนกันนะ 555+

ลุงคนขับเรือบอกว่า ไปให้อาหารปลาด้วยเม็ดข้าวโพดที่แพนางไพร เป็นที่พักของอุทยานกันต่อ อยู่ไม่ไกลจากเขาสามเกลอ ระหว่างลงเรือก็ได้ช็อตเด็ดเด็ดระหว่างสายฝนกับเรือโดยสารของเรา สวย!!

เด็กเด็กสนุกกันใหญ่ เพราะอยู่บ้านไม่ค่อยได้เล่นน้ำฝน 555+

วิวจากตรงนี้สวยดีว่าไหม

จบทริปสำหรับวันนี้ กลับมาถึงอาบน้ำกินมื้อเย็น

สำหรับที่นี่ค่าที่พักจะรวมอาหารครบทุกมื้อ กับข้าวสามารถเติมได้แบบไม่อั้นนะจ๊ะ

กลับเข้าที่พักนอนหลับฝันดี พายุเข้าอีก ทำให้ฝนตกทั้งคืน ลมแรงมาก แต่ก็หลับไม่รู้เรื่องเลย เพราะว่ามาผจญภัยทั้งวัน

ตื่นเช้า !!! ฝนหยุดตก ดีใจมาก หมอกยามเช้าเ้านหน้าที่พัก สวยสุดๆ ก็เลยคิดว่าวันนี้ คงจะสดใสขึ้นกว่าเมื่อวาน เพราะวันนี้เราจะไปเดินเส้นทางธรรมชาติ เพื่อไปชมถ้ำปะการังกัน

เตรียมตัวให้ดี ยามฝนตกเส้นทางธรรมชาติ มักมีตัวทาก!!! ป่ะลุยกัน ซึ่งจากแพสายชลไปท่าจอดเรือ เป็นจุดเริ่มต้นเดินป่านั่น ก็ไม่ไกล ประมาณ 10 นาที

ถึงแล้ว ตรงบริเวณนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นการเดินศึกษาธรรมชาติ โดยจะมีบริการให้เช่ารองเท้า ที่เรียกว่ารองเท้าสตั๊ดดอยและถุงเท้า ในราคา 50 บาท

เส้นทางศึกษาธรรมชาติเส้นนี้ มีช้าง!!!

ระหว่างทางเดินพวกเราพบขี่ช้างจำนวนมากใครมาที่นี่ต้องลองมาผจญภัยดูนะ

คนนำทางของเราก็คือคุณลุงขับเรือ เนื่องจากเส้นทางสายนี้เป็นเส้นทางศึกษาธรรมชาติ ก็เรียกได้ว่าเดินป่ากันแบบจริงจังแถมฝนก็ตกอยู่ตลอดเวลา มา รอบนี้สมบุกสมบันน่าดู 555+ แต่ดูจากหน้าตาสมาชิก ไม่ต้องห่วง!!!

สุขสันต์วันแม่พาแม่มาผจญภัย 555+

ระหว่างทางน้ำตกเล็กๆ ต้นไม้ต้นจิ๋ว ๆ อากาศเย็นสบาย ซึ่งความสมบูรณ์ของต้นไม้ทำให้เป็นหลังคาบังฝนให้กับพวกเรา ❤️

ส่วนมอเตอร์ไซค์อันนี้เป็นของเจ้าหน้าที่อุทยานที่พวกเราเคยมาเที่ยวที่นี่ในครั้งแรกจะคุ้นเคยกับมอเตอร์ไซค์คันนี้เป็นอย่างดี เนื่องจากเจ้าหน้าที่ใช้ขี่ขึ้นลงเส้นทางธรรมชาติเพื่อความรวดเร็ว แต่คุณลุงคนขับเรือเล่าให้ฟังว่า เจ้าลูกช้างตัวดีใช้เท้าเหยียบซะพังเลย !!!! 555+

ถึงแล้ว จุดลงแพไม้ไผ่ ซึ่งเป็นที่พักของเจ้าหน้าที่อุทยาน บรรยากาศตรงนี้ดีมาก วิวตรงนี้ถ่ายรูปสวยมาก

สมาชิกของเราก็ยังยิ้มได้!!! โดยเราจะนั่งแพไม้ไผ่เพื่อไปชมถ้ำปะการัง โดยแพไม้ไผ่เนี่ยจะยืนถ่ายรูป จะนั่งห้อยขาเอาเท้าราน้ำ จะโพสท่ากับธรรมชาติแบบไหนก็ได้ จัดเต็ม!!

ถึงล่ะ ถ้ำปะการัง ซึ่งทางขึ้นบอกเลยว่าชันมาก กว่าจะถึงปากถ้ำ ทางค่อนข้างแคบ แต่ไม่ไกลมาก

ถ้ำปะการัง คนนำเที่ยวถ้ำเล่าว่า ถ้ำแห่งนี้มีลักษณะแบบเดียวกันกับถ้ำน้ำลอดหรือถ้ำทะลุ เป็นถ้ำที่มีน้ำไหลผ่านตลอดทั้งปี มีหินงอก หินย้อยจำนวนมาก ที่มีรูปร่างสามารถจินตการไปได้มากมาย เป็นหญิงสาวบ้าง รูปช้างบ้าง ซึ่งสาเหตุที่เรียกว่าถ้ำปะการัง ก็เพราะว่าภายในถ้ำจะมีหินงอกหินย้อยแตกหน่อเล็ก ๆ คล้ายกับปะการังในทะเล ดูงดงามแปลกตา ราวกับอยู่ในท้องทะเล ซึ่งเกิดมาจากการตกตะกอนของน้ำหินปูน ที่เข้มข้นผสมกับความพิเศษของอากาศ จึงทำให้เกิดหินย้อยที่มีความเหมือนกับปะการัง

ซึ่งจากคำบอกเล่าของชาวบ้าน ก็ได้ความว่าถ้ำแห่งนี้เคยอยู่ใต้ท้องทะลมาก่อน หินงอกหินย้อยต่าง ๆ ภายในถ้ำ จึงกลายเป็นเหมือนกับปะการัง สวยงามมาก สะอาด ไม่น่ากลัวเลย เราใช้เวลาท่องเที่ยวภายในถ้ำประมาณครึ่งชั่วโมง ก็เดินทางกลับโดยเส้นทางกลับก็จะเป็นทางเดิมคือนั่งแพไม้ไผ่ เดินเส้นทางธรรมชาติเส้นเดิม !!!

ขากลับบริเวณท่าจอดแพ เริ่มมีแสงแดดไม่เหมือนเมื่อเช้า หมอกฝนค่อนข้างจัด เลยได้ รูปมาสักหน่อย

ป่ะเดินกลับ !!!

กลับสู่ที่พัก กินมื้อเที่ยงแล้วก็เล่นน้ำกลางฝนเช่นเคย ใครอยากจะพายเรือชมบรรยากาศของเขื่อนก็ตามอัธยาศัย

แต่ฝนก็ ตกๆ หยุดๆ เช่นเคย!!

สำหรับคืนสุดท้ายที่นี้ หลับสนิท!!! เพราะกิจกรรมค่อนข้างผจญภัยไปหน่อย!!

สำหรับตอนเช้าฝนก็ยังคงตกอยู่ แต่คราวนี้เราเตรียมตัวดีซื้อเสื้อกันฝนจากที่แพ เดินทางกลับด้วยความปลอดภัย และที่สำคัญขากลับตกหนักกว่าเดิม 55+

กลับมาคราวนี้ค่อนข้างชุ่มช่ำ แต่ได้สัมผัสกับความสวยงามเขื่อนเชี่ยวหลานในมุมนึง

โรแมนติกเพราะสายฝน

อากาศเย็นสบายก็เพราะสายฝน

วิวสวย หมอกแน่นก็เพราะสายฝน

ทำให้เราไม่ลังเลเลย ที่จะกลับมาอีก !!

ขอบคุณสำหรับการติดตาม

Be Traveler