ชีวิตนี้เยือนสักครั้ง…ภูกระดึง

สวัสดีนักเดินทาง

กลับมาคราวนี้มากับทริปเดินเขาที่สุดที่จะใช้พลังกายและพลังใจเยอะที่สุดในชีวิตที่เคยไปมา กับ ภูกระดึง หรืออุทยานแห่งชาติภูกระดึง

อุทยานแห่งชาติลำดับที่ 2 ของประเทศไทย โดยตั้งอยู่ในตำบลศรีฐาน อำเภอภูกระดึง จังหวัดเลย เอาจริงๆไม่ต้องอธิบายมาก เพราะคนไทยที่ได้เคยผ่านความเป็นวัยรุ่นหลายๆคน ต้องเคยมาพิชิตที่นี้ 555+ และเราในฐานะวัยรุ่น ก็ต้องมาสิจ๊ะ เนอะ 555+

อุทยานแห่งชาติภูกระดึง เปิดการท่องเที่ยว ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2561 – 31 พ.ค. 2562 รวมระยะเวลาทั้งหมด 6 เดือน และทริปนี้เมื่อภูเปิดปุ้ป พวกเราไม่รอช้า จัดทริปเลยจ้า 3 วัน 2 คืน คือวันที่ 4 – 6 ตุลาคม 2562 ไปพิชิตภูกระดึง

การเดินทางไปภูกระดึง สามารถเดินทางได้หลากหลายวิธี ทั้งรถยนต์ รถประจำทาง ก็แล้วแต่สะดวก

หากเดินทางโดยรถประจำทาง ลงรถที่ผานกเค้า หรือสถานีขนส่งอำเภอภูกระดึง และก็ต่อรถสองแถวเข้าอุทยานแห่งชาติภูกระดึง

หากเดินทางโดยรถยนต์ แนะนำเช่ารถตู้ไปแบบมีคนขับให้จะดีกว่า ตอนแรกแกงค์เราก็ค่อนข้างจะห้าวหาญอยากขับรถไปเอง แต่สงสารคนขับที่ต้องปีนเขา แล้วยังมาขับรถอีก เลยใช้บริการเหมารถตู้มา ค่ารถตู้หารกันไปกลับก็คนละ พันกว่าบาท …

การเตรียมตัว …

1. อากาศหนาวจ๊ะ จะมาเดือนไหนก็หนาว ถ้ามาหน้าร้อนก็จะหนาวช่วงเช้า …. เตรียมเสื้อกันหนาวมาด้วย

2. บางทีฝนก็ตก เตรียมเสื้อกันฝนมาเลยจ๊ะ ที่สำคัญหากมาหน้าฝน ถุงกันทากจำเป็นมาก เพราะตัวทากเยอะกว่ายุงอีก 55+

3. เตรียมร่างกายมาให้พร้อม เดินเยอะมากนะจ๊ะ ทั้งเดินขึ้นไป เดินเที่ยวบนภูไปชมพระอาทิตย์ขึ้น พระอาทิตย์ตก ชมน้ำตก และไหนจะเดินลงมาอีก บอกเลยเกือบๆ 50 กิโล

4. ของใช้ส่วนตัวต่างๆ แต่ที่อยากจะเน้นคือ

– ยาสามัญประจำตัว (ยาคลายเส้น ยาแก้ปวด สำคัญอย่าลืมเด็ดขาด)

– ไฟฉาย เพราะข้างบนมีไฟบริการแต่ก็เปิดเป็นเวลา ไม่ได้เปิดตลอดทั้งคืน นอกจากนี้ หลังจากชมพระอาทิตย์ตกที่ผาหล่มสักนั้นก็ต้องเดินกลับมายังจุดที่พัก เดินเกือบๆ 10 กิโล มันมืดตลอดทางเลยจ้า ดังนั้นไฟฉายต้องมี

– พาวเวอร์แบงค์ แต่ที่จริงด้านบนทั้งที่ทำการอุทยาน หรือร้านค้าต่างๆ มีบริการชาร์ทโทรศัพท์และอุปกรณ์อิเล็กโทรนิคต่างๆ แต่ระหว่างที่เดินอยู่ในป่าเขาก็มีไว้ยามฉุกเฉินก็ดีนะจ๊ะ

– สเปรย์กันแมลงและทาก อันนี้ทั้งป้องกันและกำจัด คือเมื่อทากกัดก็แดสเปรย์ลงไปเลยจ๊ะ เจ้าทากตัวน้อยผู้น่ารักก็จะปลดปากออกจากตัวของเราในทันที มีไว้นะสำคัญ …

– ครีมกันแดด … เดินป่ากลางแดด ดำนะจ๊ะ สาวๆๆ

– เงิน อันนี้สำคัญ 3000 บาทขึ้นไปมีไปเถอะ เพราะอย่างแรกก็ไม่ต้องแบกของขึ้นไปเอง ก็ต้องจ่ายลูกหาบกิโลละ 30 บาท ทั้งขาขึ้นขาลง ของกินก็ตลอดทาง ขนม น้ำหวาน กับข้าวกับปลาข้างบนมีขายหมด ที่สำคัญต้องเตรียมเงินไปกินหมูกระทะ 555+

5. ที่พักบนภูกระดึง สำหรับพวกเรานอนเต้นท์ก็ได้บรรยากาศดีเนอะ ที่บนอุทยานก็มีบริการ หรือจะให้ดีเห็นเพื่อนร่วมทางแนะนำกันมาก็คือ ติดต่อตามร้านค้าบนนั้นแหละ เขามีเครื่องนอนและเต้นท์บริการเหมือนกัน ก็แล้วแต่สะดวกเนอะ แต่พวกเรานั้นกลัวทากจริงๆ เลยจองบ้านพักอุทยานบนภูกกระดึง จะต้องเข้าไปจองล่วงหน้า 60 วัน ที่เว็บไซต์ ไwww.nps.dnp.go.th เลือกบ้านตามจำนวนคน และชำระเงิน เก็บใบเสร็จแล้วมายื่นกับอุทยานเพื่อรับกุญแจในวันที่เดินทางมาถึง ต้องบอกเลยว่า สะอาดมาก ไม่มีกลิ่นอับ สะดวกสบาย และไม่ต้องผจญกับฝนตกและตัวทากด้วย

อ่ะ พร้อมล่ะ ไปพิชิตภูกกระดึงกัน….

เราเดินทางมาถึงที่นี้เกือบตี 5 อาบน้ำแปรงฟันที่ตีนภู เติมพลังด้วยมื้อเช้ากันให้พร้อม แล้วเมื่ออุทยานเปิดช่วง 7.00 น. เราก็นำสัมภาระไปชั่งที่จุดบริการ อ่อสำหรับคนจองบ้านพัก อย่าลืมเอาใบเสร็จไปแสดงกับเจ้าหน้าที่ด้านล่างตรงสำนักงานด้านหน้าก่อนด้วย เจ้าหน้าที่จะเซ็นรับทราบที่ใบเสร็จแล้วส่งคืนมา เราก็รับมาเพื่อไปแสดงอีกจุดด้านบนเพื่อรับกุญแจ

ดูแผนที่เพื่อเป็นกำลังใจ …

จุดเริ่มต้น ลงชื่อ แจกเบอร์เจ้าหน้าที่ เสียค่าธรรมเนียมอุทยาน แล้วก็ออกเดินเลยจ๊ะ

200 เมตรแรกบอกเลย รู้เรื่องเหงื่อแตก หัวใจเต้นเร็ว!!! 5555+

จากจุดเริ่มต้นป้อมที่ทำการอุทยาน ผ่านป่ากกค่า 800 เมตรแรก คือท้อมาก ธรรมชาติรอบด้านเป็นป่าเต็ง – รัง ป่าชนิดนี้เกิดขึ้นบนที่ราบลูกเนิน และตามสันเขาที่เป็นดินปนทรายหรือปนกรวด เนื่องจากดินถูกชะล้าง หน้าดินพังทลายลงมาก บางแห่งปรากฏมีหินน้อยใหญ่โผล่พันดินอยู่ทั่วไป แล้วเป็นเนินไต่ขึ้นตลอด เราเดินต่อไปอีก 200 เมตรก็ถึง ซำแฮก

ซำแฮก คือ แฮกจริงๆ ตรงจุดนี้มีอาหาร ขนม น้ำ ผลไม้ ไอติม คือทุกอย่างที่คุณจะซื้อปรนเปรอตัวเอง 555 มีห้องน้ำบริการด้วย

* แนะนำแตงโมซำนี้ อร่อยที่สุดในโลก 555+

อย่านั่งนานไปต่อจ๊ะ เด่วถอดใจเดินลง

700 เมตร ต่อมาพบกับ ซำบอน มีแต่ป้ายนะจ๊ะ ไม่มีแตงโม 555+

พอพ้นป้ายซำบอน จะเข้าเขตป่าเบญจพรรณ จะสังเกตจากธรรมชาติของป่าที่อยู่รอบๆ จะเริ่มครึ่มไปด้วยต้นไม้ใหญ่และขนาดกลางขึ้นคละกัน

440 เมตรต่อมาคือ ซำกกกอก ก็มีแต่ป้าย ไม่มีแป๊บซี่!!!! 555+

เดินต่ออีก 200 เมตร ก็พบ ซำกอซาง จุดนี้เราแฮ้ปปี้มาก มีแตงโมเย็นๆให้ได้กิน

อีก 110 เมตรต่อมา พร่านพรานแปร

700 เมตรผ่านซำกกหว้า และ ซำกกไผ่

ผ่านซำกกไผ่ก็จะพบกับความครึ้มของป่าที่เรียกว่า ป่าดิบแล้ง

เดินต่ออีก 200 เมตร เราเลือกนั่งกินมื้อเที่ยงที่นี้ ที่ซำกกโดน วิวที่นี้ดีงามมาก หลายๆคนเมื่อมาถึงตรงนี้แวะนอนพักชมวิวใต้ต้นไม้ใหญ่กันก็มี

มื้อเที่ยวแซ่บๆ ที่ซำกกโดน

นั่งไม่นาน ฝนก็ตกลงมาแบบหนักมาก บรรดาลูกหาบก็แวะห่อสัมภาระเพื่อป้องกันฝน

พอฝนหยุดตก พวกเราออกเดินทางต่อ ผ่านซำแคร่ เข้าเขตป่าดิบเขา ตรงนี้ธรรมชาติสวยมาก ครึ้ม เย็นสบาย เจอมอส เฟริน ต้นไม้ที่ขึ้นในสภาพดิบชื้น เส้นทางก็ชันขึ้น ได้ปีนก้อนหินก้อนใหญ่ๆ ทางอุทยานก็ช่วยโดนการทำบันไดทุนแรงนักปีนเขา ให้เดินทางได้ง่ายขึ้น

และเราก็ถึง บันไดคู่สุดท้ายสู่หลังแป คือสุดใจจริงๆ

พอถึงจุดนี้ ก็ต้องได้ถ่าบภาพกับความสำเร็จของเหล่าบรรดาวัยรุ่นอย่างแรา ผู้พิชิตภูกระดึง…….

จากนั้น เดินเส้นทางราบจากจุดหลังแป ในระยะ 3.5 กิโลเพื่อไปยังศุนย์ที่พักวังกวาง แต่ความโชคดีของวัยรุ่นอย่างเรา เหมือนฟ้ามาโปรด เมื่อเราเดินไปเรื่อยๆ ได้สักพัก รถของเจ้าหน้าที่ผ่านมาเลยขอกระโดดติดรถไปแบบไม่ต้องเดินไปยังศูนย์วังกวาง คือดีย์ 55+

บ้านพักของเรา คือ เรือนหยาดน้ำค้าง 4 นอนรวมกัน มีห้องน้ำและไฟส่องสว่างเท่านั้น ไม่มีปลั๊กให้สักเต้า ไม่สามารถชาร์ทอะไรได้เลย และแสงสว่างเปิด 1 ทุ่ม – 4 ทุ่มเท่านั้น ❤️

รับกระเป๋า โดยเอาหางบัตรที่ได้มายื่นแล้วชำระเงินกับลูกหาบ

ป่ะ กินหมูกระทะ …. แล้วก็กลับมาอาบน้ำนอนพัก เพราะพรุ่งนี้ต้องออกเดินกันตั้งแต่ตี 5

เช้าวันที่ 2 ไปรวมกันกับเจ้าหน้าที่ ที่บริเวณหน้าสถานที่ทำการอุทยาน เวลา ตี 5 เพื่อออกเดินไป ผานกแอ่นเพื่อชมพระอาทิตย์ขึ้น แต่ด้วยอากาศที่ฝนตกไปเมื่อคืน เลยลุ้นที่จะเห็นสายหมอกแทน

นั่งรอแสงสว่างอีกนิด จะได้เห็นทะเลหมอกให้สวยกว่านี้ แต่นี้ก็คืออลังการสุดๆ แล้ว

ก่อนกลับที่พัก ผ่านลานองค์พระ เป็นลานหินที่พื้นหินมีลวดลายสวยดี

อิ่มใจแล้ว ก็ เริ่มหิวข้าว ก็เดินกลับไป ที่พักหามื้อเช้ากิน แล้วก็อาบน้ำเตรียมตัวเดินภูกระดึงกันอย่างจริงจัง

กรุ๊ปช๊อตก่อนออกเดินทางไกล … เสื้อทีมพร้อมมาก

จุดแรกที่เราออกเดินทางไปคือ น้ำตกถ้ำใหญ่ แต่ก็ต้องผ่านลานพระพุทธเมตตา แวะขอพรสักหน่อย

น้ำตกถ้ำใหญ่

จุดต่อไป เดินไปสระอโนดาต แต่ระหว่างทาง วิวดีเหลือเกิน กรุ๊ปช๊อตก็มาจ๊ะ

สระอโนดาต ที่ฝนพึ่งจะตก น้ำก็ค่อนข้างเต็มสระ

จากสระอโนดาตมีทางลัดตรงออกมา ผาเหยียบเมฆ

ผาเหยียบเมฆ ที่เรียกแบบนี้ก็คงเป็นเพราะความที่เป็นผาสูง เท่ากับก้อนเมฆ

นางแบบรออะไรค่ะ นางแบบ Be Traveler บอกเลยท่าโพสไม่แพ้ใคร

ไม่รอช้า ไม่หยุดนานเดินกันต่อ …

และแล้วเราก็ถึงผาหล่มสัก เดินมาสะเหนื่อย เลยแสะพักกินน้ำแข็งใสให้ชื่นใจก่อนรอเวลาแสงของพระอาทิตย์จะลับขอบฟ้า

ความสวยงามของผาหล่มสักที่พวกเราพยายามเดินด้วยความอดทนเพื่อมาสัมผัสบรรยากาศนี้ พระอาทิตย์อาจจะขี้อายหน่อย แต่เราก็ มองว่ามันดีที่สุดเสมอ หากเราได้ลองพยายามเดินมา

เมื่อพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าไป ก็ได้เวลาใช้ความอดทนของจิตใจอีกครั้ง ในการเดินทางด้วยขาทั้งสองกลับไปที่พัก ผ่านความมืดหลังจากนี้เกือบ 10 กิโล แต่เพราะความว่ากันและกัน ทั้งเสียงพูดคุย หัวเราะทำให้เรากลับมายังที่พักได้อย่างปลอดภัย

และกินหมูกระทะ อาบน้ำแล้วเข้านอน ปิดทริปภูกระดึงได้โครตตราตรึงใจ ทั้งเหนื่อย ทั้งท้อแต่เราไม่ทิ้งกัน และวันรุ่งขึ้นของอีกวันพวกเราก็เดินลงภูกระดึง ใช้เวลาเกือบ 5 ชั่วโมง ถึงด้านล่างก็เย็นพอดี

ขอบคุณธรรมชาติที่สวยงามและเป็มิตรกับเราเสมอตลอดเส้นทาง

และขอบคุณผู้ร่วมเดินทางทุกคน

ขอบคุณทุกความคิดที่ช่วยกันแก้ปัญหา

ขอบคุณหัวใจที่อดทนไม่ท้อต่ออุปสรรค

และขอบคุณความรู้สึกที่มีกันและกันตลอดเส้นทาง

แล้วพบกันใหม่

Be Traveler