สวัสดีนักเดินทาง
วันนี้เรามีความทรงจำดีๆของ Isle of Skye เกาะที่ใหญ่เป็นอันดับสองของ Scotland มาแบ่งให้ชม โดยเราใช้เวลาอยู่ที่นี้เป็นเวลา 2 คืน พักโรงแรม The Portree Hotel ในเมือง Portree ซึ่งเป็นเมืองหลวงของเกาะ โดยเราออกเดินทางด้วยการเช่ารถขับจาก Edinburgh ตั้งแต่เช้ามืด ซึ่งการเดินทางใช้เวลายาวนานกว่า 6 ชั่วโมง
ระหว่างการเดินทาง เมื่อเข้าใกล้ดินแดนของกาะ ถนนหนทางที่ขับบนทางด่วนก็กลับกลายเป็นถนนเลนส์สวนกัน รอบข้างก็มีแต่ธรรมชาติ
ระหว่างทางเราจะแวะ ปราสาท Eilean Donan Castle เพื่อเป็นการพักรถ โดยจากตำนานเล่ากันว่า ปราสาทได้รับแรงบันดาลใจของปราสาทของเจ้าหญิงแมรินด้า ตัวละครเอกในการ์ตูนเรื่อง Brave
ปราสาทแห่งนี้ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของ Highlands ประเทศสกอตแลนด์ เป็นปราสาทเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่บนเกาะเล็ก ๆ ตรงจุดที่ทะเลสาบ 3 แห่ง มาบรรจบกัน โดยมีสะพานหินขนาดใหญ่เชื่อมระหว่างตัวปราสาทและริมฝั่ง ซึ่งจุดเด่นของ ปราสาท Eilean Donan Castle นั่นก็คือที่ตั้งของปราสาทที่มีความเป็นเอกลักษณ์รวมถึงบรรยากาศรอบๆ ปราสาทที่เงียบสงบและสวยงามมาก ปราสาทเก่าแก่อันงดงามแห่งนี้สร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 13 และเคยถูกใช้เป็นป้อมปราการในการรบ เราก็เลยมีโอกาสได้แวะกินข้าวเช้ากันที่นี้ …
บรรยากาศโดยรอบปราสาท .. โดยตัวปราสาทเองหากจะเข้าชมก็ต้องเสียเงินนะ แต่พวกเราก็ไม่ได้เข้าไปนะ ชมอยู่แต่ด้านนอกก็สวยงามแล้ว
ประตูทางเข้าแบบเสียเงิน..
เมื่อเราไปถึง ก็มีการสร้างบรรยากาศโดยหนุ่มน้อยผู้เป็นตัวแทนของความเป็น Scotland แท้ๆ มาเป่าปี่สก๊อต คึกคักน่าดู
แวะจุดถ่ายภาพอีกจุด คือสะพาน Skye Bridge ซึ่งเป็นสะพานเชื่อมระหว่างแผ่นดินใหญ่ของ Scotland กับ Isle of skye
พวกเราเดินขึ้นไปถึงกลางสะพานเพื่อถ่ายภาพ บรรยากาศโดยรอบ …. คือสวย กว้างใหญ่ ออกเดินทางต่อเพื่อเข้าไปยังเกาะ Isle of skye โดยก่อนเข้าที่พัก เราแวะสะพานโบราณSligachan
สะพานนี้สร้างมาเกือบ200ปี สร้างในค.ศ.1820 ข้ามแม่น้ำ Sligachan เชื่อมเมือง Portree กับ Bradford ใต้ฐานสะพานจะมีส่วนโค้งสามส่วน ส่วนสะพานใหม่ข้างๆ ก็สร้างมานานแล้วตั้งแต่ปี1930 สร้างขนานกับสะพานเดิมมีเรื่องเล่าว่าถ้าเอาศรีษะจุ่มลงในน้ำ เจ็ดวินาที หน้าเราจะ forever young
พี่คนนี้เขากำลังโชว์ขั้นตอนการทำ forever young ให้พวกเราได้ดู…
เที่ยงพอดี เลยเราจะไปกินอาหารทะเลกัน ที่ร้าน The Oyster shed
ระหว่างทาง วิวข้างทางสวยทุกมุม
ร้าน The Oyster shed สามารถนั่งกินที่ร้าน หรือ ซื้อกลับได้ เพราะเขาจะจัดแบบจานกระดาษให้ ร้านเปิดตั้งแต่ 11.00 – 17.30
บรรยากาศภายในร้าน
สั่งอาหารตรงนี้แล้วไปยืนรับด้านนอกที่รถคันสีขาว
บริเวณที่นั่งกิน ก็มีทั้งยืน ทั้งนั่ง แล้วก็มีบริการทิชชู่ จุดล้างมือพร้อมน้ำยาล้าง
บรรดาเมนู ก็มีหมด กุ้ง หอย ปู ปลา แต่ตั้งใจมากมากิน Lobster แต่โชคร้าย หมด และจะไม่มีไปอีก 5 อาทิตย์ โอ้ยยยยย .. ดวงดี เราก็เลยสั่งเป็นจานรวมตามรายการนี้เลย 20 ปอนด์ ตามบิลจ๊ะ…
ส่วนเราคนไทย มาบีบมะนาวแล้วกินก็คงไม่เด็ดเท่าไหร่ ก็ต้องพกขวดนี้มาเนอะ…
สรุป รสชาติทุกอย่าง จากปากคนไทยอย่างเรา มีอย่างเดียวที่เราเลิฟมากคือ หอยเซลล์ ของเขาตัวใหญ่ อร่อย หวานมาก แต่ส่วนอย่างอื่นเฉยๆคะ กุ้งแม่น้ำอยุธยา หอยแมลงภู่บ้านเรา เด็ดกว่าจ๊ะ .. ความคิดส่วนตัวของพ่อบ้านแม่บ้านนะ แต่ Lobster ยังไม่ได้ลองนนะ เศร้า..
กินอิ่ม ไปเที่ยวต่อ เด๋วเสียเวลา 555+ เราไปต่อกันที่ Fairy Pools สระว่ายน้ำนางฟ้า โดยจอดรถที่จุดจอดรถ แล้วเดินเท้าเข้าไป ประมาณ 15 นาที เมื่อขับรถมาถึงตรงจุดนี้ แค่ภาพความกว้างใหญ่ของสถานที่ มันสุดมาก คือเห็นด้วยตาแล้วอลังการ
จากจุดดจอดรถเราสามารถมองด้วยตาเปล่าเลยว่า เราต้องเดินไปไกลแค่ไหน 555+ แต่ภาพที่อยู่ตรงหน้า หนูสู้ตายคะ
ท่ามกลางขุนเขาสกอตแลนด์ อยู่ในหุบเขาเกลนบริทเทิล (Glen Brittle) เป็นหุบเขาขนาดใหญ่ทางใต้ของเกาะสกาย ซึ่งเป็นเกาะใหญ่ที่สุดในหมู่เกาะอินเนอร์ เฮบริดิส กลุ่มเกาะนอกชายฝั่งตะวันตกของสกอตแลนด์ สระว่ายน้ำนางฟ้า อนุญาตให้นักท่องเที่ยวสามารถเล่นน้ำในสระธรรมชาติแห่งนี้ได้ แต่ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไข “รับผิดชอบต่อธรรมชาติ” ด้วยเช่นกัน หากร่างกายคุณทาครีมกันแดด หรือครีมอะไรก็แล้วแต่ไว้คุณควรจะล้างมันออกจากตัวคุณให้ได้มากที่สุด เพื่อไม่ให้น้ำในสระนี้ปนเปื้อนไปด้วยสารเคมีอันไม่พึงประสงค์ และหากระหว่างการเล่นน้ำแล้วเกิดปวดท้องขึ้นมา คุณก็ต้องรีบขึ้นจากสระเดินไปเข้าห้องน้ำ ที่อยู่ห่างออกไป 100 เมตร รวมถึงช่วยกันรักษาความสะอาดทุกรูปแบบ
เริ่มเดินกับเส้นทางตรงหน้าและภูเขาที่ล้อมรอบตัวเรา นั้นสำหรับเรามันสุดยอก ท้องฟ้าดี อากาศเป็นใจ เพื่อนร่วมเดินทางก็มีตั้งแต่ อายุน้อย จนถึงสูงอายุ การเที่ยวธรรมชาติมันได้อารมณ์จริงๆเนอะ
ระหว่างการเดินเข้าไปก็มีลำธารเล็กๆ ไหลผ่านซึ่งต้นกำเนิดก็มาจาก Fairy Pools นั่นเอง..
เมื่อเราเดินลึกเข้าไปเรื่อยๆ ลำธารก็จะกว้างขึ้น กว้างขึ้น ชันขึ้น น้ำตกก็จะสูงเป็นหน้าผามากขึ้น และน้ำก็ใส นี่ถ้าอากาศไม่หนาวนะ ก็ได้มีภาพของนักท่องเที่ยวลงไปเล่นแน่นอน
จบภารกิจ สระน้ำนางฟ้า สรุปได้ว่า หานางฟ้าไม่เจอ 55+ แต่ชอบธรรมชาตินะ ดิบดี คนเมืองอย่างเราชอบเสาะหาความดิบแบบนี้ ใครมาที่นี้ อย่างออกกำลังกายเดินชมอะไรที่เป็นธรรมชาติ แนะนำที่นี้นะ โดยเฉพาะชาวงเวลาที่หญ้าเป็นสีเขียว มันคงจะฟินน่าดู
หมดวันพอดี กลับของพักผ่อน พักโรงแรม The Portree Hotel ในเมือง Portree พวกเราขับรถเข้าเมือง จอดรถที่จุดจอดรถฟรี ดีจัง
เมือง Portree
วิวที่ลานจอดรถก็ดีแบบนั่งชิวมองวิวก็มีความสุขล่ะ
จากลานจอดรถเดินไปโรงแรมก็ขึ้นบันไดไปตามภาพเดินตรงไปก็เจอที่พักล่ะ The Portree Hotel
พักผ่อนนอนพรุ่งนี้เริ่มกันใหม่
…………………………..
ตื่นเช้าวันใหม่กับเกาะสวรรค์แห่งนี้ พวกเราตื่นกันแต่เช้าเพื่อตั้งใจเดินทางไปชมพระอาทิตย์ขึ้นที่
The Quiraing
ระหว่างเส้นทางที่ไป ผ่านทะเลสาบ Loch Leathan กับแสงนวลของพระอาทิตย์ที่กำลังจะขึ้น กับวิวเงามืดของ Old Man of Storr สวยจนต้องแวะถ่ายภาพอ่ะ
เรารีบเดินทางไปที่ The Quiraing สถานที่แห่งนี้มาง่ายนะ ขับรถมาจอดเดินหน่อยก็สวยล่ะ
มาง่าย มาเถอะ
เมื่อแสง เริ่มมา ก็ยิ่งเห็นเส้นของภูเขาที่รายล้อม รวมทั้งบรรดานักท่องเที่ยวที่มากินนอน กางเต็นท์กันแบบไม่กลัวลมหนาวกันเลย แสงชัดขึ้นเอาภาพลานจอดรถมาฝาก เผื่อใครยังห่วงเรื่องที่จอดรถ
เดินทางกลับไปที่พัก กินข้าวเช้าที่โรงแรม แต่ระหว่างทางตั้งใจจะแวะอีกสักที่เป็นทางผ่าน คือ Kilt Rock Waterfall แต่เมื่อเอารถเข้าไปที่ลานจอดแต่กลับไม่สามารถเดินไปชมได้ เพราะประตูล๊อค คงจะเช้าเกินไป แต่อย่างน้อยก็ได้ภาพข้างทางที่สวยไม่แพ้กัน ถ่ายรูปมาฝากด้วย …
ทะเลสาบ Loch Leathan ยามเช้า
มาถึง Skye เขาบอกว่าต้องมาดูวัวภูเขา เห็นล่ะ … ขนมันยาวสงสัยป้องกันความหนาว 55+ แต่จะมองอะไรเห็นไหม
ตามแผนเดิมเราตั้งใจไปขึ้นเขาที่เป็นเอกลักษณ์ของที่นี้เลยก็ว่าได้นั้นคือ Old Man of Storr แต่ด้วยเวลาที่คาดว่าต้องใช้เวลาทั้งวัน เราเลยเลือกที่จะไม่ไป ก็เลยได้แต่มองไกลๆแล้วส่งใจไปเนอะ -The Storr- หรือภาษาท้องถิ่น -Gaelic- เรียกกัน -An Stor- เป็นแนวโขดหินเรียงตัวกันอยู่บนที่ราบสูง โดยก้อนที่มีชื่อเสียงที่สุดถูกเรียกว่าThe Old Man of Storr-ว่ากันว่าเป็นหินที่ดูรูปร่างหน้าตาเหมือนผู้ชายแก่
สถานีต่อไป ปราสาท Dunvegan และกิจกรรมนั่งเรือดูแมวน้ำรอบๆประสาท โดยเราขับรถไปถึงแล้วจอดรถตรงบริเวณหน้าปราสาท – จอดฟรีอีกแล้วจ้า / เที่ยวที่นี้ดีจังไม่ต้องเสียเงินค่านั้นนู้นนี้ ธรรมชาติก็อลังการ
ป่ะ ซื้อตั๋วกัน โดยหลักๆของเราคือ ไปดูแมวน้ำ ก็จะต้องซื้อตั๋วเข้าปราสาทด้วยโดยราคาค่าตั๋วจะแบ่งเป็น ชมสวนอย่างเดียว หรือชมทั้งสวนชมทั้งปราสาทด้านใน โดยสามารถเอาไปแลกเป็นส่วนลดค่าขึ้นเรือชมแมวน้ำได้ อ่ะ ดังนั้นเราเลย ซื้อเป็นแค่ชมสวน เพื่อเอาไปลดค่าเรือชมแมวน้ำ จุดแรกตรงนี้ ก็ซื้อตั๋วชมสวนของปราสาทก่อนแล้วตั๋วแมวน้ำค่อยไปซื้อด้านใน
สวนอย่างเดียว คนละ 12 ปอนด์
พื้นที่ Highlands นั้นมีปราสาทอยู่จำนวนมาก สร้างกันมาหลายร้อยปีมาแล้ว หลายแห่งเป็นปราสาทที่ Scottish Heritage ซึ่งเป็นองค์กรจัดตั้งโดยรัฐบาลเป็นผู้ดูแล ขณะที่หลายแห่งก็เป็นปราสาทเอกชน นั่นคือ มีเจ้าของ ซึ่งได้รับมรดกตกทอดมาจากในอดีต ปราสาท Dunvegan ก็เป็นหนึ่งในปราสาทเอกชน อยู่เหนือสุดทางทิศตะวันตกของเกาะ Isle of Skye –
ได้เวลาแล้ว เราก็เดินไปที่ท่าเรือเมื่อนั่งเรือไปชมแมวน้ำ ค่าขึ้นเรือคนละอีก 7.50 ปอนด์ ก็จะจัดให้เป็นรอบๆรอบละ 6 ท่านต่อลำเรือ ทางพนักงานก็จะจัดสรรเวลาแล้วแจ้งเราว่าเราจะได้รอบไหน
ได้รอบเรือแล้วแต่ก็ต้องรอสักพัก เลยมีเวลาเดินชมบรรยากาศรอบๆท่าเรือ
เมื่อถึงเวลาก็ไปนั่งรอ เตรียมใส่เสื้อชูชีพ ฟังคำแนะนำจากพนักงาน แล้วไปขึ้นเรือกัน โดยตำแหน่งการนั่งเรือนั้น คนขับเรือจะเป็นคนกำหนดจัดสรรให้นั่งนะ ไม่ใช้จะนั่งตรงไหนก็ได้ เขาคำนึงถึงความสมดุลเพื่อความปลอดภัยเป็นหลักนะจ๊ะ
บริเวณปราสาท Dunvegan นี่เอง มีแมวน้ำอยู่ colony หนึ่ง ประมาณ 300 ตัว ซึ่งหากนั่งเรือออกไปดูจะห่างออกไปเพียง 5 นาที เท่านั้น เรือที่เรานั่งเป็นเรือขนาดเล็กติดมอเตอร์ จุได้ไม่เกิน 8 คน ได้ดูแมวน้ำตามธรรมชาติแบบที่ใกล้ชิดที่สุด คือ อยู่ห่างไปเพียงแค่ 5-6 เมตร เท่านั้น แมวน้ำพวกนี้นอนอืดอยู่ที่นี่ทั้งปีแม้กระทั่งฤดูร้อน เพราะอุณหภูมิในน้ำนั้นต่ำกว่า 10 องศา ตลอด
นั่งบนเรือหันกลับมาก็จะได้ปราสาท รูปนี้ ….
ฮ่าฮ่าฮ่า …. มองไกลๆ เห็นเหล่าบรรดาแมวน้ำ นอนอยู่ เป็นกลุ่มเป็นก้อนแล้ว … น่ารักมาก
เรือค่อยๆขับเข้าไปด้วยเสี่ยงที่เงียบที่สุด และก็เตือนให้ผู้โดยสารใช้ความเงียบในการรับชม เพื่อไม่ทำให้เขาตกใจ แมวน้ำก็น่ารัก วิว 2 ข้างทางก็สวย
ฟินไหม ถามใจคุณดู ….
มองไปบนท้องฟ้า ก็เห็นนกอินทรีตัวใหญ่บนวนไปมา ธรรมชาติสุดๆๆ เรือใช้เวลาประมาณ 20 นาที
จุดต่อไป เราขับรถไปที่ Neist Point Lighthouse ประภาคารที่ตั้งบนแหลมปลายสุดของทิศตะวันตกของเกาะ เขาบอกว่าพระอาทิตย์ตกที่นี้ สวยงามมาก แต่พวกเราอยู่ไม่ทันนะ แต่ภาพที่เก็บมาฝากเนี้ย ทดแทนกันได้ ก่อนอื่นระหว่างทางที่ไป สวยตลอดทางเลย
ถึงแล้ว หาที่จอดแล้วเดินเท้าเข้าไป ทุกอย่างอลังการ ธรรมชาติสร้างมาก ที่จอดรถก็จอดตามไหลทาง – จอดฟรี การเดินนั้นเริ่มตรงรั้วเหล็กในภาพแล้วค่อยๆเดินลงไป
เห็นทางเดินเส้นนั้นไหม … ไปให้สุดคะ
กลับเข้าที่พัก ด้วยความฟิน….
สำหรับการท่องเที่ยวบนเกาะนี้สำหรับพวกเราถือว่า เป็นธรรมชาติที่สวยงามและอลังการมาก หากใครชอบแนวธรรมชาติเหมือนกับพวกเรา แนะนำที่นี้ แต่อยากให้เช่ารถขับเที่ยวนะอาจจะสะดวกกว่า รวมทั้งมองว่าประหยัดไม่ค่อยเสียเงินทั้งค่าที่จอด หรือค่าเข้าสถานที่ แถบจะฟรีทั้งหมด และระยะเวลาที่เหมาะสมสำหรับการมาเที่ยวที่นี้คือ ขั้นต่ำสัก 2 คืน 3 วัน กำลังสบายๆไม่รีบร้อนจนเกินไป
หวังว่าจะเป็นตัวเลือกสำหรับใครหลายๆคนนะ
ขอบคุณสำหรับการติดตาม
Be Traveler