สวัสดีนักเดินทาง
กลับมาคราวนี้ เก็บความทรงจำความสวยงามของธรรมชาติมาฝากอีกเช่นเคย ครั้งนี้พวกเราเดินทางไปเที่ยวเชียงรายเมื่อปลายเดือนพฤศจิกายน 2563 ที่ผ่านมา ใช้เวลาในวันหยุดสุดสัปดาห์ก็สามารถเที่ยว ภูชี้ฟ้า ภูชี้ดาว ภูชี้เดือน ผาตั้ง ครบทั้ง 4 ภูได้เลย
เราออกเดินทางด้วยเครื่องบินถึงเชียงรายคืนวันพฤหัสบดี และเริ่มเที่ยวในเช้าวันศุกร์กับภูแรก ภูชี้ฟ้า โดยขับรถออกตัวเมืองเชียงรายแต่เช้ามืดเพื่อไปเก็บแสงเช้าที่นั้น
ภูชี้ฟ้า ช่วงที่เราไปเป็นเดือนพฤศจิกายน ทำให้การจราจรตรงทางขึ้นสามารถนำรถขึ้นไปจอดด้านบนลานจอดของวนอุทยานภูชี้ฟ้า และเดินต่ออีก 760 เมตรได้ ข้อดีของการมาช่วงนี้คืออากาศดีและคนไม่เยอะ
เดินต่ออีก 760 เมตร
ภูชี้ฟ้าเป็นยอดเขาสูงที่สุดของดอยผาหม่น และสปป.ลาว ครอบคลุมพื้นที่บ้านร่มฟ้าทอง ตำบลปอ อำเภอเวียงแก่น และบ้านร่มฟ้าไทย ตำบลตับเต่า อำเภอเทิง จังหวัดเชียงราย
ยอดภูมีลักษณะเป็นหน้าผาที่มีแหลมยื่นเข้าไปในอากาศ บนระดับความสูง 1,700 เมตร จากระดับน้ำทะเล นักท่องเที่ยวสามารถมาเที่ยวชมความสวยงามของพระอาทิตย์ยามเช้า และพระอาทิตย์ยามเย็นได้
ยอดภูเขามีลักษณะคล้ายกับว่าชี้ขึ้นไปบนฟ้า ดูแปลกตา จึงถูกเรียกว่า ‘ภูชี้ฟ้า’ หากมองอย่างขบขันแล้วคล้ายกับตูดไก่ หากมองอย่างตั้งใจก็คล้ายสิงโตอ้าปาก
ภูชี้ฟ้าเป็นจุดชมวิวทะเลหมอกที่สวยงาม ด้านหน้าเป็นหน้าผาสูงมองเห็นหมู่บ้านเชียงตองในประเทศลาว มีจุดชมวิวยอดนิยมอยู่ 2 จุด คือ บริเวณยอดภูและบริเวณลานก่อนถึงยอดภู
ต้องยอมรับว่า ภูชี้ฟ้าได้รับความนิยมมากในช่วงอากาศหนาว ดังนั้นจำนวนนักท่องเที่ยวก็จะเยอะ พวกเราแนะนำมาเที่ยวในวันธรรมดาจุดถ่ายรูปก็ไม่แน่นสักเท่าไหร่
ค่าใช้จ่าย ฟรี!! (ยกเว้นใครมาช่วงเทศกาลจะเสียค่ารถเจ้าหน้าที่ที่เตรียมไว้ ขึ้นมายังลานจอดของวนอุทยานภูชี้ฟ้า
ที่พัก
สำหรับที่พัก เราเลือกนอน ม่านฟ้าฮิลล์ รีสอร์ทตั้งอยู่ห่างจากภูชี้ฟ้าเพียง 1 กิโลเมตร อีกทั้งยังสามารถเดินทางไปท่องเที่ยวที่ดอยผาตั้ง ภูชี้ดาว และภูชี้เดือน ที่อยู่ใกล้ๆได้อีกด้วย
ห้องพักจะเป็นสไตล์ธรรมชาติ สะอาด วิวดี เป็นระเบียบ ปลอดภัย ประหยัด และมีความเป็นส่วนตัว พร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบ ราคาห้องพักรวมบริการอาหารเย็นและอาหารเช้า
หลังจากเที่ยวภูชี้ฟ้า พวกเราแจ้งขอเข้าพักที่ม่านฟ้าฮิลล์เลย ซึ่งเจ้าของก็ใจดีสามารถให้เราเข้าพักก่อนเวลาได้ เนื่องจากไม่มีลูกค้าเข้าพักก่อนหน้าเรา ก็เลยได้นอนหลับพักเอาแรงเพื่อไปเที่ยวรอบเย็น เก็บแสงสวยๆยามเย็นที่ดอยผาตั้งซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่พัก
ดอยผาตั้ง
“ดอยผาตั้ง” อยู่ในเขต อำเภอเวียงแก่น จังหวัดเชียงราย เป็นยอดดอยอยู่ในเทือกเขาหลวงพระบาง มีระดับความสูงราว 1,800 เมตร ซึ่งเป็นจุดแบ่งอาณาเขตระหว่าง ไทย – ลาว บนยอดดอยสามารถมองเห็นแม่น้ำโขง และวิวสองฝั่ง ไทย – ลาว โดยสามารถมาเดินขึ้นใน ช่วงเช้า เพื่อดู ทะเลหมอก และ พระอาทิตย์ขึ้น ได้ หรือ ช่วงเย็น เพื่อชม พระอาทิตย์ตก ซึ่งวันนี้เราจะมาชมพระอาทิตย์ตกกัน
มาช่วงนี้ดอกบัวตองสีเหลืองกำลังออกดอก ปะทะกับแสงยามเย็น สวยงามมาก
มาถึง “ช่องเขาขาด” ซึ่งเป็นผาหินที่ขาดแยกออกจากกันเป็นช่อง ที่สามารถมองไปเห็นทิวทัศน์ประเทศลาวได้
เดินไต่ขึ้นมาเรื่อยๆก็พบเนิน 102
แสงเย็นที่นี้สวยมาก สำหรับใครอยากเดินต่อไปที่เนิน 103 ก็สามารถทำได้ ก็เดินไปต่ออีกหน่อยแต่พวกเรากลัวจะเดินกลับแล้งค่อยข้างมืด เลยนั่งรอชมพระอาทิตย์ที่เนิน 102 จะดีกว่า
เมื่อชมความงามของพระอาทิตย์เรียบร้อยก็กลับที่พักไปกินมื้อเย็นที่ที่พัก
ค่าใช้จ่าย ฟรี!! แต่สำหรับพวกเราพึ่งพาไกด์ตัวน้อย ก็อาจจะมี Tips กันเล็กน้อย อันนี้แล้วแต่ความสมัครใจเนอะ
สำหรับพรุ่งนี้ คิวของ 2 ภู ภูชี้ดาวและภูชี้เดือน
ภูชี้ดาว
เช้าวันเสาร์แต่เช้ามืดเราออกเดินทางสู่ภูชี้ดาวหรือภูหัวโล้นที่ชาวบ้านเรียกกัน โดยขับรถไปจอดที่ตีนภูเพื่อรอขึ้นรถชาวบ้านที่มีบริการ โดยมีค่าใช้จ่าย หากเหมาคัน ก็ 500 บาท หรือไปรวมกับนักท่องเที่ยวคนอื่นก็หารกันคนละร้อยกว่าบาทขึ้นอยู่กับจำนวนคนนะ
เมื่อถึงจุดจอดรถด้านบน ต้องเดินเท้าต่อไปบนยอดภูชี้ดาวอีกประมาณ 300 เมตร เส้นทางเดินแบบไล่ตามระดับสันเขาขึ้นไปเรื่อยๆ แต่ก็ถือว่าเป็นระดับในการเดินขึ้นที่ไม่ยากมาก ใช้เวลาเดินทางไปถึง 20 นาที
ภูชี้ดาว ระหว่างภูชี้ฟ้าและดอยผาตั้ง ใกล้กับภูชี้เดือน มีความสูงประมาณ 1,800 เมตร ซึ่งสูงกว่าทั้งภูชี้ฟ้าและดอยผาตั้ง สิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ของภูชี้ดาว คือ วิวของยอดเขาที่เชิดชี้ขึ้นไปบนท้องฟ้า จึงเป็นที่มาของชื่อ ภูชี้ดาว
และจะบอกเลยว่าจุดชมวิวภูชี้ดาวคือ 360 องศาเลยทีเดียว ทะเลหมอกที่ฟุ้งกระจายตามเทือกเขาสวยงามมาก และสามารถมองเห็นภูชี้ฟ้าและดอยผาตั้งอยู่ไกลลิบๆ ท่ามกลางทะเลหมอก
ค่าใช้จ่าย – ค่ารถขึ้นภูคนละ 125 บาท (แชร์กับคนอื่น)
ยังไม่จบไปกันต่อ กับภูสุดท้าย ภูชี้เดือน โดยขับรถจากจุดขึ้นภูชี้ดาวไปนิดเดียวเอง ก็จะมีรถชาวบ้านบริการเหมือนเคย ราคาเหมา 500 บาท
ภูชี้เดือน
สำหรับเราที่นี้พวกเราประทับใจมาก อยากให้ทุกคนได้มาลองสัมผัส ทั้งสายหมอก ภูเขาและดอกไม้ดอกเล็กๆสีสันสดใสมาก
ความสวยงาม สมกับที่เป็นที่เที่ยวสุด Unseen ชมทะเลหมอกแห่งใหม่ จ.เชียงราย จริงๆ
ค่าใช้จ่าย ค่าเหมารถชาวบ้าน 500 บาท
สำหรับการมาเชียงรายในครั้งนี้ ได้มีโอกาสได้มาสัมผัสสถานที่ท่องเที่ยวถึง 3 ภู 1 ผา ภายในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ ในเวลาไม่นาน หากใครสนใจทริปนี้หากอยากมาให้สวยแบบนี้ก็ต้องมาในช่วงหน้าหนาวตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนไปจนถึงกุมภาพันธ์
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม :
ที่ว่าการอำเภอเวียงแก่น โทร. 0 5360 8219 หรือ คุณวีรยุทธ แซ่ท่อ ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน บ้านร่มฟ้าหลวง ตำบลปอ อำเภอเวียงแก่น จังหวัดเชียงราย โทร. 09 5139 0666
ขอบคุณสำหรับการติดตาม
Betraveler