หลังจากที่สถานการณ์โลกกลับมาเดินทางได้เป็นปกติ พวกเราก็ไม่พลาดที่จะออกเดินทางตามแผนที่เราเคยตั้งไว้ บอกเลยคิดถึงการเดินทางสุดๆ #ยุโรปจ้าหนูมาแล้ว… ซึ่งทริปนี้กินเวลาเกือบ 20 วัน ครอบคลุม 3 ประเทศ ได้แก่ สวิตเซอร์แลนด์ อิตาลี และฝรั่งเศส การเดินทางมีครบทุกรูปแบบทุกรสชาติจริงๆ เอาเป็นว่าจะทยอยรีวิวให้ครบทุกสถานที่เลยนะทุกคน
** เปิดตัวสถานที่แรกของทริปนี้ ที่เราชอบมากและมีความประทับใจต่อที่นี้เป็นอันดับต้นๆของทริปเลย ก็เลยอยากเล่าก่อน นั้นก็คือเทือกเขา Dolomites เทือกเขาแอลป์ที่ทอดตัวอยู่ในอิตาลีตอนเหนือ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับการยกย่องประกาศให้เป็นมรดกโลก เราเลือกที่จะมานอนที่นี้สัก 2 คืน แล้วเที่ยวถ่ายรูปชิลล์ๆ
การเดินทาง
โดยเรานั่งรถไฟมาจากเมือง Florence เดินทางโดยประมาณ 3 ชั่วโมงครึ่ง มาลงที่สถานี Bolzano Bozen ต่อเดียวถึง จากนั้นก็เช่ารถขับ โดยเช่ารถใช้บริการของ Europe car ที่มีสาขาอยู่ที่ สนามบิน Bolzano Bozen (เราใช้บริการรถประจำทางจากสถานี Bolzano Bozen ไปที่สนามบิน) โดยค่ากลับก็คืนรถเช่าที่นี้เช่นกัน
ไปเที่ยวไหนกันบ้าง
สำหรับ Dolomites มีสถานที่ท่องเที่ยวเยอะนะ ในแนวธรรมชาติ กินลมชมวิว แต่เรามีเวลาที่นี้สั้นๆ เลยเลือกที่หลักๆขับรถไม่ไกลเท่าไหร่ ตามนี้
– Church of St. John
– จุดชมวิวโบถส์ Chiesa di Santa Maddalena กับหมู่บ้าน Alpe di Siusi
– Seceda เทือกเขาที่เป็นจุดชมวิวที่สวยสุดๆของ Dolomites
ที่พัก
Walther von der Vogelweide – Hotel Restaurant Pizzeria
ที่พักกลางเมือง Chiusa ที่รวมอาหารเช้า มีลานจอดรถกว้างขวาง (เสียเงิน)
ช่วงที่เราเดินทาง
ทริปที่ Dolomites อยู่ในช่วง 4-6 กรกฎาคม 2565 โดยเป็นฤดูร้อนของที่นี้ แต่เอาจริงๆ อากาศกำลังเย็นสบายแต่แดดค่อนข้างแรง พกเสื้อแขนยาวมาด้วยนะคนขี้หนาวอ่ะ ที่สำคัญฤดูนี้ดีตรงที่พระอาทิตย์ตกช้า จะมืดจริงๆก็ 3 ทุ่มกว่านู้นเลย ทำให้มีเวลาเที่ยวได้เยอะขึ้นอีกหลายชั่วโมงเลย
ป่ะเดินทางกัน สถานที่แรกโบถส์เล็กๆแต่สวยแบบตะโกน Church of St. John บริเวณโบถส์มีจุดจอดรถแบบเสียเงิน (ตู้หยอดเหรียญ) https://goo.gl/maps/qtwvFjSht3ckgKwz5 ก็จอดรถบริเวณนี้เลย เดินอีกหน่อยก็จะเจอทางเข้า เสียเงินเข้าสถานที่คนละ 4 ยูโร ก็ไปนั่งชิลล์ถ่ายรูปให้เต็มที่ไปเลย
สถานที่ต่อไปอยู่ไปไกลจากจุดแรกเท่าไหร่ นั้นคือจุดชมวิวโบถส์ Chiesa di Santa Maddalena กับหมู่บ้าน Alpe di Siusi ที่ใครมาที่ Dolomite ต้องมาถ่ายรูปมุมนี้กัน ถ้าใครไม่มามุมนี้บอกเลย เหมือนมาไม่ถึง… สำหรับตรงนี้ที่เรามาจอดรถฟรีนะ แล้วเดินขึ้นไปที่โบถส์จนถึงจุดชมวิว เดินระยะทางไม่ไกลเท่าไหร่แต่ขึ้นเขาก็มีเหนื่อยบ้าง แต่รับรองวิวตรงหน้าจะเยียวยาหัวใจคุณค่ะ
https://goo.gl/maps/5RYDUGWHLUcoyMTS9 จุดจอดรถ แล้วก็เดินจากจุดนี้ขึ้นไปที่โบถส์
https://goo.gl/maps/eXXeDttDEsTAQ9Nn6 จุดถ่ายรูปมุมมหาชน Dolomite
สถานที่่สุดท้ายของทริปเราคือ Seceda เทือกเขาที่เป็นจุดชมวิวที่สวยสุดๆของ Dolomites อยากแนะนำที่นี้คนมาเที่ยวเยอะนะ มาเช้าหน่อยก็ดีเพราะที่จอดรถคิวแน่นมาก ตอนที่เราไปต้องรอพักใหญ่อ่ะ และมีเสียค่าที่จอดรถนะ มีพนักงานเดินมาเก็บเงินสด
ค่าใช้จ่ายของการขึ้นเขา Seceda – Round Trip นั่งกระเช้าขึ้นและลง คนละ 37 ยูโร นั่งกระเช้าไม่นานเลย นั่งขึ้นไป 2 ต่อ
ต่อแรกคือเคเบิ้ลคาร์ (กระเช้าโดยสารเเบบนั่งได้ 4 คนแต่เรานั่งกันสองคนสบายๆ) ในช่วงเเรกระหว่าง Ortisei – Furnes และต่อสุดท้ายกอนโดล่า (กระเช้าโดยสารขนาดใหญ่แบบยืนรวมกัน) จาก Furnes ถึงยอด Seceda
Seceda หรือที่เขาเรียกกันว่า “Flame frozen in stone” เพราะจะเห็นยอดเนินคล้ายเปลวไฟที่แข็งเป็นหิน แถมมาฤดูนี้ทุ่งหญ้าและดอกไม้ รวมทั้งแสงแดดมันผสมผสานกันอย่างลงตัวสวยอลังการมากเลย
ความเห็นของเรามองว่า เทือกเขานี้เที่ยวง่าย เดินไม่หนักมาก ขึ้นกระเช้ามาวิวตรงหน้าสวยเลย ป้ายบอกชัดเจน และที่สำคัญมุมถ่ายรูปล้านมุมบอกเลย เดินให้ไปถึง Summit Cross ที่เป็นเเท่นรูปวงกลมเเสดงรายชื่อและความสูงของภูเขาต่างๆที่รายล้อมอยู่ในแถบนี้ วิวก็จะเห็น View point ได้ชัดมากขึ้น
สำหรับเราทริปที่ Dolomite ต้องเกิดขึ้นอีกครั้งอย่างแน่นอน เพราะโซนนี้ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอีกหลายแห่ง รวมทั้งมีเส้นทางเดินเขาที่สำคัญอย่าง Tre Cime di Lavaredo (The Three Peaks of Lavaredo) ที่เป็นไฮไลท์อีกแห่งหนึ่งของ Dolomite ภูเขาหินขนาดใหญ่ 3 ลูกที่วางตัวเรียงกันในเเนวตะวันออก-ตะวันตก และทะเลสาบแสนสวยอย่าง ทะเลสาบเบรียส (LAKE BRAIES) รับรองเราได้พบกันอีกครั้งแน่นอน
รักเธอ Dolomite / Betraveler
